วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2559

ตำนานโบราณ แม่ถอด

สิ่งศักดิ์สิทธิ ความเชื่อ นิทานตำนานของคนโบราณ เกี่ยวกับเมืองเถิน




จากตำนานสังฆเติ๋น ชาวเมืองเถินได้ถือเอาตำแหน่งพระธาตุศักดิ์สิทธิที่เชื่อมต่อโคจรหากันได้ ๓ พระองค์ จากความเชื่อนั้น ตามที่มีปรากฎการณ์แสดงลักษณะเป็นลำแสงไฟจากลูกแก้วพวยพุ่งออกจากพระธาตุเดินทางไปมาหาสู่กันในวันสำคัญต่างๆ ตามธรรมเนียมประเพณีของชาวเหนือเชื่อว่าปรากฎการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นเฉพาะปูชนียสถานที่สำคัญเท่านั้น อย่างเช่นที่เมืองลำปางก็มีปรากฎการณ์ว่า์ แก้วจากวัดพระธาตุวัดลำปางหลวงแสดงรัศมีเดินทางไปมาหาสู่ยังวัดเสด็จ ฯลฯ ชาวอำเภอเถินเมื่อครั้งโบราณมีความเชื่อว่าพระธาตุสำคัญได้เสด็จขึ้น ๓ แห่งด้วยกัน อันได้แก่ วัดพระธาตุวังตวง, วัดดอยป่าตาลหรือวัดม่อนงัวนอน และอีกแห่งหนึ่งได้แก่บริเวณป่าในเขตตำบลแม่ถอดบริเวณขุมแก้วที่เรียกกันว่า โป่งข่ามหลวง ที่นับถือกันว่า แก้วจากบ่อนี้เมื่อนำไปไว้ที่ใดก็มักจะเกิดแสงประหลาดเปล่งประกายออกมา ถ้าเป็นหน่อแก้วก็มักนิยมเก็บไว้บนหิ้งบูชาพระ 
    ตามตำนานความเชื่อเกี่ยวกับความสำคัญของสถานที่ทั้งสามนี้ ได้สัมพันธ์กับตำนานเรื่องวัวแดงซึ่งเป็นอดีตภพชาติหนึ่งของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งได้เคยประสูติเป็นลูกวัวแดงและได้เคยอาศัยหากินบริเวณที่เป็นที่ตั้งของวัดพระธาตุวังตวงในปัจจุบัน ปางเมื่อพระโพธิสัตว์ทรงได้บรรลุพระสัมมาโพธิญาณแล้ว จึงได้มาประทับรอยพระบาทไว้ สถานที่อีกแห่งได้แก่วัดดอยป่าตาลที่มีชื่อเรียกว่าวัดม่อนวัวนอน หรือม่อนวัวน้อยในตำนาน ส่วนสถานที่ประสูติิตามตำนานฉบับนี้ได้กล่าวว่า จากลักษณะทิศทางตามตำนานแล้วนั้นตรงกับตำบลแม่ถอด สถานที่ซึ่งเคยเกิดลำแสงประหลาดบ่อยครั้ง
    ยังมีตำนานแก้วกับพระธาตุแก้วทั้งสี่อีกฉบับหนึ่ง ในตำนานฉบับนี้ได้กล่าวถึงพื้นที่เฉพาะในเขตตัวเมืองเถิน ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่ระหว่างกลางกับพื้นที่ที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น โดยไม่รวมเขตพระธาตุวังตวงเข้าไว้ด้วย โดยได้ถือเอาพระธาตุสามแห่งจากสามเจดีย์ อันได้แก่ วัดพระธาตุดอยป่าตาล, วัดเวียง และวัดออมแก้ว หรือวัดอุมลอง ตามตำนานฉบับดังกล่าวได้กล่าวถึงพระบาทเจ้าผาน้อย ความว่าที่แม่ถอดนั้นได้ปรากฎรอยพระพุทธบาทหินริมแม่น้ำแม่แก่งซึ่งเป็นคูหาถ้ำตามตำนานที่ได้ระบุไว้
    ตำนานที่เกี่ยวกับแม่ถอดนั้น ได้กล่าวไว้ว่า ยังมีชาวบ้านที่เรียกว่า 'พ่อนา' ได้ปลูกเรือนพักอาศัยหากินอยู่บริเวณเชิงดอย แล้วมีัวัวของไพรเจ้าป่าที่อาศัยอยู่ในถ้ำดอยบริเวณนั้นได้ลงมากินข้าวของพ่อนาที่ปลูกเอาไว้ พ่อนาก็เลยยิงวัวตัวนั้นบาดเจ็บและำได้สะกดรอยติดตามไปจนพบ 'ไพรผู้เฒ่าเจ้าป่า' ที่ล่ามเถาวัลย์มัดวัวที่บาดเจ็บตัวนั้นและกำลังให้ยาแก่วัว พ่อนาจึงได้กล่าวแก่ไพรเจ้าป่าว่า วัวของไพรเจ้าป่าไปกินข้าวอันที่ปลูกไว้สำหรับไว้เลี้ยงชาวบ้าน ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องนัก ไพรเจ้าป่าก็ยอมให้ปรับเป็นสินไหมเงินทองและทรัพย์สินแก่พ่อนา จนพ่อนานั้นได้เป็นเศรษฐี และกระภุมพีที่ตรงนั้นเป็นสถานที่ที่ได้เทเงินทองและสมบัติให้แก่พ่อนา จึงได้เรียกสถานที่ตรงนั้นว่า 'แม่ถอก' (ถอก แปลว่า เท) กาลต่อมาจึงได้เพี้ยนเป็นชื่อว่า 'แม่ถอด' มาจนถึงปัจจุบันนี้
    ปัจจุบันบริเวณที่ปรากฎถ้ำและรอยพระพุทธบาทนั้น ได้มีพระธุดงค์สับเปลี่ยนหมุนเวียนมาปฎิบัติธรรมและต่อมาได้ทำการบูรณะก่อสร้างให้เป็นวัดขึ้น มีชื่อว่า 'วัดถ้ำสุขเกษมสวรรค์' ส่วนสิ่งที่เป็นเงินเป็นทองสันนิษฐานว่าคงจะเป็นสถานที่บ่อแก้วในตำบลแม่ถอด ที่เรียกกันต่อมาว่า 'แก้วโป่งข่าม' 

ข้อมูล : จากหนังสือขุมทรัพย์สังฆเติ๋น, เนื่องในงานทอดกฐินสามัคคีถวายวัดสบคือ อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง
           เรียบเรียงและเขียนโดย อาจารย์ศักดิ์ สักเสริญ (ศักดิ์ ส.) รัตนชัย 


หมายเหตุ : มีการแก้ไขตัดทอนเพิ่มเติมข้อความและการเรียบเรียงจากต้นฉบับ     'กฤช พรมชาติ








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น