เมืองเถินจากอดีต..สู่ปัจจุบัน
เมืองเถินจากหลักฐานทางโบราณคดีพบว่ามีร่องรอยของริเวณที่มีคูน้ำคันดินล้อมรอบที่เรียกว่า 'เวียง' อยู่สามแห่ง แห่งหนึ่งคงเป็นเวียงเถิน คือ ตัวเมืองเถิน ที่มีวัดเวียงเป็นจุดศุนย์กลาง แต่ร่องรอยคูน้ำและคัดินสูญหายไปหมดสิ้น อันเนื่องมาจากน้ำเซาะและการขยายถิ่นที่อยู่อาศัยของชุมชนที่อยู่สืบกันมาทกุวันนี้ เมืองนี้ในพงศาวดารใบลานของท้องถิ่นเรียกว่าเมือง 'อิงฆบถรัฐ' เล่ากันว่ากำแพงเมืองและเขตเมืองได้พังจมแม่น้ำวัง ทำให้สมัยหลังลงมามีการสร้างเวียงใหม่อีกสองแห่ง คือ เวียงป้อมและเวียงเป็ง ในสมัยเจ้าฝั้นเป็นเจ้าเมืองครองเมืองเถิน และเจ้าหาญผู้น้องครองเมืองลำปาง คือ ราว พ.ศ. 1922 ปัจจุบันยังปรากฏซากเวียงทั้งสองอยู่ทางทิศตะวันตกของวัดเวียง ส่วนกำแพงคันดินและคูทางตอนใต้ของเวียงสองชั้นหันข้างลงแม่น้ำวังมีซากโบราณสถานเหลืออยู่บ้างนิดหน่อย
เมืองเถินจากอดีตเคยรุ่งเรืองมาก่อน ทั้งนี้อาศัยจากหลักฐานการมีเวียงตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันถึงสามแห่ง เป็นสิ่งบ่งบอกถึงความเป็นเมืองสำคัญของบ้านเมืองโบราณในภาคเหนือที่เคยเป็นแคว้นล้านนา เพราะเมืองสำคัญหลายๆแห่งไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา และเชียงแสน มักมีเวียงบริวารอยู่ใกล้ๆเสมอในที่นี้เวียงที่เป็นตัวเมืองก็คือ เวียงเถิน ที่มีวัดเวียงตั้งอยู่เป็นศูนย์กลางที่มีการอยู่มาอย่างสืบเนื่อง ทำให้เวียงเถินกลายเป็นชุมชนขนาดใหญ่ ตั้วเรียงรายอยู่ทางฝั่งตะวันตกของลำน้ำวัง
โดยเชื้อสายและเผ่าพันธุ์ คนเถินแต่เดิมคือคนลำปางที่ผสมผสานกับคนพม่า จึงมีความสัมพันธ์กับวัฒนธรรมพม่าอยู่ไม่น้อย แต่ถ้ามองในสายตาของคนภายนอก คนเถินคือคนลาวลำปางที่มีการขยายตัวจากลุ่มน้ำวังมาสู่ลุ่มน้ำยม ต่อเขตสุโขทัยและแพร่นั้นเอง แม้แต่การตั้งอำเภอเถินให้เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดลำปาง
ก่อนสมัยเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 เมืองเถินยังมีอาณาเขตอยู่เพียงในเขตเวียงเดิมทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำวัง เป็นเมืองเล็กๆที่มีถนนผ่านกลางเมืองตั้งแต่บริเวณบ้านอุมลองลงมายังบ้านเวียงและบ้านสบคือ ท่านาง ล้อมแรด และบ้านเหล่าตามลำดับ มีบ้านเรือนสร้างด้วยไม้สัก หลังคาจั่วบ้าง ทรงปั้นหยาบ้าง หันหน้าเข้าถนนเรียงรายไปตลอดลำน้ำวังและมีวัดตั้งอยู่เป็นระยะไป ที่โดดเด่นคือ วัดเวียงและวัดอุมลอง ซึ่งมีพระธาตุ เจดีย์ และวิหาร มีซุ้มประตูที่งดงามตามแบบวัดพระธาตุลำปางหลวง ซึ่งแกะสลักลวดลายโดยช่างชาวพม่าที่สวยงามหาดูยาก
เมื่อบ้านเมืองเจริญขึ้นนับตั้งแต่รัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี มีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เมืองเถินก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง มีการสร้างและขยายถนนจากเถินไปยังลำปางและเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อไปยังจังหวัดเชียงใหม่ และมีการขยายถนนเส้นเดิสเก่าแก่ของย่านที่อยู่อาศัย แล้วความเป็นมาของเมืองเถินที่มีมาแต่อดีตก็ได้รับการพัฒนาทางด้านวัตถุมากมาย
เมืองเถินแต่เดิมเคยเป็นเมืองเล็กๆที่สวยงาม ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ แต่ละบ้านมีสวนครัวและสวนผลไม้ ที่โดดเด่นก็คือการปลูกส้มเกลี้ยง ชาวบ้านมีอาชีพทำสวนส้มเกลี้ยงเป็นจำนวนมาก และอาชีพดั้งเดิมของชาวเถินคือการเลี้ยงครั่งเป็นอาชีพ และการทำนา มีข้าวเพียงพอสำหรับเลี้ยงครอบครัว
แต่สิ่งที่ทำให้เมืองเถินมีชื่อเสียงอีกอย่างหนึ่ง คือ แก้วโป่งข่าม ที่ผู้คนเกือบทั่วประเทศนิยมซื้อนำไปทำเป็นเครื่องประดับและคุ้มกันภัย
กล่าวโดยสรุปคือ เมืองเถินตั้งอยู่ในตำแหน่งทางภูมิศาสตร์อันเป็นชุมทางการคมนาคม มีความเจริญ มีพัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงบ้านเมืองเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา จากการสันนิษฐานทางประวัติศาสตร์เมืองเถินน่าจะมีมาก่อนสุโขทัยเป็นราชธานี คือช่วงพุทธศตวรรษที่ 19 เพราะสภาพแวดล้อมของเมืองเถินมีทั้งที่ราบลุ่มและความอุดมสมบูรณ์ของน้ำและป่าไม้ อันจะทำให้ผู้คนจากแคว้นล้านนาไทสัญจรไปมาระหว่างลุ่มน้ำปิง วัง และยม อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานทำกิน
ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 19 ลงมา เมืองเถินจึงมีฐานะเป็นเมืองด่านชุมทางคมนาคมระหว่าง ตาก ลำพูน เชียงใหม่ แพร่ และสุโขทัย และเมืองตรอกสลอบที่วัดบางสนุก อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่
นับแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เถินก็เคยเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญของอาณาจักรล้านนา เป็นเส้นทางการเดินทัพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และในขณะเดียวกันก็มักถูกใช้เป็นเมืองฐานทัพของฝ่ายตรงข้าม เช่นเมื่อครั้งที่อยุธยาและพม่ามีศึกกับทางเชียงใหม่
สำหรับศิลปวัฒนธรรมของเถินนั้น ดูเหมือนพัฒนาขึ้นในช่วงที่พม่าขยายอำนาจเข้ามาปกครองหัวเมืองล้านนา ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากพม่า ดูได้จากวัดวาอารามที่สำคัญของเมืองเถิน เช่น วัดเวียง วัดอุมลอง ก็ล้วนสร้างขึ้นในในยุคนี้ทังสิ้น ซึ่งมีศิลปะแบบพม่าผสมกับศิลปะล้านนา(ลาว) ปรากฎเป็นหลักฐานอยู่
เมื่อย้อนรอยถึงอดีต เมืองเก่าแก่ที่สุดของเมืองเถินได้แก่ 'บ้านเวียง' เข้าใจว่า'บ้านเวียง'ในสมัยนั้นคงเจริญและเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองเถิน ดังปรากฎหลักฐานคือ วัดบ้านเวียงมีวิหารเก่าแก่สร้างแบบสถาปัตยกรรมล้านนา แสดงว่าได้รับอิทธิพลของเชียงใหม่และลำปาง เพราะดูตามภูมิศาสตร์เมืองเถินอยู่ติดกับอำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ต่อเนื่องไปยังจังหวัดเชียงใหม่ ต่อมาเมื่อบ้านเมืองเจริญขึ้น ราษฎรอพยพออกจากบ้านเวียงขยายที่ทำกิน โดยเฉพาะที่นาเป็นที่ทำกินหลักได้ขยายไปทางทิศเหนือ คือ บ้านอุมลอง ในสมัยนั้นบ้านอุมลองเป็นศูนย์กลางของการค้า เพราะมีกาดยาว(ตลาดยาว) ขายสรรพสินค้าให้แก่ชาวบ้านอื่นๆ ต่อมาความเจริญก็ค่อยๆขยายไปโดยรอบบ้านเวียง ได้แก่ บ้านหนองเตา บ้านแม่ปะ แม่เติน ไปจนถึงท่ามะเกว๋น ห้วยริน ปางอ้า ทุ่งเสลี่ยม แม่สรอย ซึ่งส่วนใหญ่มีพื้นฐานเป็นคนเมืองเถิน และยังสันนิษฐานอีกว่าชนชาวเถินที่แท้จริงได้อพยพถิ่นฐานมาจากอาณาจักรล้านนา จากเชียงแสน ลำปาง และเชียงใหม่เป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้จากการสังเกตุภาษาพูดจะมีสำเนียงคล้ายกับสำเนียงเชียงใหม่ เพียงแต่ออกเสียงห้วนสั้นกว่า
เมืองที่ขยายไปทางทิศใต้ตามลำน้ำวังได้แก่ บ้านสบคือ บ้านท่านาง บ้านล้อมแรด บ้านเหล่า บ้านท่า บ้านวังหิน ต้นธง สองแคว สองแคว แม่พริก ทิศตะวันตกได้แก่ ห้วยแก้ว ปากกอง นาบ้านไร่ สันหลวง ผาปัง และมีที่ออกไปหากินถิ่นและอพยพเข้ามาตั้งรกราก มีทั้งชาวจีนที่มาจากปากน้ำโพ(นครสวรรค์)ก็มาก ดูตัวอย่างคนบ้านท่า ท่าเม วังหิน ที่ผู้คนได้อพยพมาจากบ้านระแหง เมืองตากสองแคว จึงมีสำเนียงการพูดที่ต่างไป
เมืองเถินหากนับการขี้นเป็นหัวเมือง ตามการปกครองแบบกระจายอำนาจก็เพียงเริ่มต้นเมื่อรัชสมัยรัชกาลที่ 5 สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงแบ่งการปกครองแบบ ภาค มณฑล จังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน เถินถูกยกให้เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดลำปาง มีนายอำเภอคนแรก คือ พระสถล แล้วก็สับเปลี่ยนนายอำเภอมาจนถึงปัจจุบัน
เอกสารอ้างอิง :
วารสารเมืองโบราณ ปีที่ 5 ฉบับที่ 4 ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม พ.ศ. 2522
การสัมภาษณ์นายอ้าย อาษา มัคทายกวัดอุมลอง วาระตั้งแต่ พ.ศ. 2500-2544
ทะเบียนศาสนสมบัติของวัดอุมลอง
หนังสือประวัติวัดทั่วราชอาณาจักร เล่มที่ 8 พ.ศ. 2532 กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ
รวบรวม-เรียบเรียง : ศาสตราจารย์เกียรติคุณ จำรูญ ยาสมุทร, นายประเสริฐ คำใส หมายเหตุ มีการแก้ไขเรียบเรียงบางส่วน
ที่มา http://www.thoenpost.com/tale/thoen1.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น